ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยประสานสายเรือเร่งดำเนินการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์

ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยประสานสายเรือเร่งดำเนินการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเทียบเรือเอ 2 ท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าน่าจะคำตอบภายในอาทิตย์นี้ พร้อมเตรียมแผนสำรองเงินเยียวยาหากสายเรือล่าช้า
จากกรณีเพลิงไหม้ตู้คอนเทนเนอร์บนเรือส่งสินค้า KMTC HONGKONG ในเทียบเรือเอ 2 ท่าเรือแหลมฉบัง

อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ที่ ผ่านมา ทำให้ประชาชนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงจุดเกิดเหตุได้รับผลกระทบนั้น

ล่าสุดวันนี้ (19 มิ.ย.) เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยถึงเรื่อดังกล่าวว่า จากกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ตู้สินค้าบริเวณท่า A2 ท่าเรือแหลมฉบังนั้น โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อประชาชนโดยรอบและมีเสียงสะท้อนกลับมาว่าเหตุการณ์ผ่านมาไปเกือบ1 เดือน แล้วประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ยังไม่ได้รับการเยียวยาหรือได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด

“โดยเรื่องนี้ ต้องขอชี้แจงว่า ทางท่าเรือแหลมฉบัง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ที่ผ่านมาได้มีการติดตามเรื่องให้อย่างต่อเนื่อง และขณะนี้ มีความคืบหน้าไปมากแล้ว โดยทางท่าเรือฯ ได้มีการเจรจากับทางสายเรือที่รับผิดชอบ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือและเยียวยาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เบื้องต้นทางสายเรือ ยืนยันและพร้อมที่จะรับผิดชอบทั้งหมด เช่น ค่ารักษาพยาบาลตามโรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทั้งหมด พร้อมทั้งจะต้องมีค่าทำขวัญให้ด้วย แต่อยู่ระหว่างขั้นตอนของการดำเนินกาน ทั้งผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาล และผู้ที่ได้รับผลกระทบบริเวณด้านนอก ทั้งนี้ทางสายเรือจะต้องนำเรื่องดังกล่าว เสนอคณะผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ต่างประเทศก่อน
เรือโทยุทธนา กล่าวต่อไปว่า สำหรับค่ารักษาพยาบาลนั้น ขณะนี้ทางโรงพยาบาลต่างๆ ได้แจ้งยอดมาแล้ว ซึ่งทางท่าเรือแหลมฉบังก็พร้อมจะจ่ายให้ก่อน แต่สายเรือหวั่นว่าจะเป็นการทำงานซ้ำซ้อน โดยสายเรือจะเข้ามาดำเนินการการจ่ายทั้งหมดเอง จึงขอแจ้งให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน รออีกระยะหนึ่ง คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ทางเราจะได้รับคำตอบจากทางสายเรือ แต่อย่างไรก็ตามหากไม่เป็นไปตามแนวทางที่วางไว้ ทางท่าเรือแหลมฉบังพร้อมที่จะเข้าไปดำเนินการให้ก่อนในเบื้องต้น เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนของผู้ที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับสาเหตุของเหตุการณ์ในครั้งนี้ จะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจแหลมฉบัง และ กองพิสูจน์หลักฐาน ในการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุดังกล่าว แต่เหตุการณ์ดังกล่าวจะต้องถือเป็นบทเรียน เพื่อวางแนวทางป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

ภาพ/ข่าว สมชาย แก้วนุ่ม ทีมข่าวภูมิภาค
นาย พรเทพ เขม้นเขตวิทย์ รายงานจากศูนย์ข่าวภาคตะวันออก