สนามบินสุวรรณภูมิใช้เทคโนโลยีตามจับคนร้ายลักทรัพย์ในสนามบินใช่เวลาแค่ชั่วโมงเดียว

สนามบินสุวรรณภูมิใช้เทคโนโลยีตามจับคนร้ายลักทรัพย์ในสนามบินใช่เวลาแค่ชั่วโมงเดียว

**** ภาพวงจรปิดภายในอาคารผู้โดยสารชั้น 1 ประตู 4 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จับภาพขณะที่มีผู้เสียหายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นพนักงานเข็นรถเข็นกระเป๋าภายในสนามบิน เดินเอาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวมาวางเสียบสายชาร์จที่เครื่องโทรศัพท์สาธารณะบริเวณดังกล่าว ก่อนจะออกไปทำธุระบริเวณอื่น จากนั้นผ่านไปไม่กี่นาทีภาพวงจรปิดมุมเดิม จับภาพชายคนร้ายหนึ่งคนสวมชุดสีดำ เดินเข้ามาทำทีใช้โทรศัพท์สาธารณะในจุดดังกล่าว ก่อนจะทำเนียนก้มหยิบโทรศัพท์ของผู้เสียหายไปแล้วเดินออกจากอาคารผู้โดยสารไป หลังเกิดเหตุไม่นานผู้เสียหายกลับมาจะเอาโทรศัพท์ที่ตนเองชาร์จไว้แต่ไม่พบจึงรีบเข้าแจ้งความร้องกับพนักงานสอบสวนและฝ่ายปฎิบัติการพิเศษ ทอท เพื่อขอให้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และ ติดตามจับกุมตัวคนร้าย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 15 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมา

**** ด้าน นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับรายงานเรื่องนี้จึงสั่งการให้ฝ่ายปฎิบัติการพิเศษและฝ่ายรักษาความปลอดภัยพร้อมชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบของ ทอท.บูรณาการฝ่ายสืบสวน สภ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เร่งไล่ล่าติดตามตัวคนร้ายรายนี้ให้ได้โดยเร็ว โดยใช้เทคโนโลยีกล้องวงจรปิดติดตามตัว และ เส้นทางของคนร้าย จนกระทั่งพบว่าคนร้ายรายนี้คือ นายสุวิทย์ เฉลิมวัย อายุ 42 ปี ทราบชื่อภายหลัง เป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช หลังก่อเหตุได้เดินทางไปที่บัสเทอมินอลเพื่อเตรียมขึ้นรถหลบหนี ฝ่ายเทคนิคของสนามบินจึงใช้กล้องพิเศษตรวจหาคนร้ายรายนี้จนกระทั่งพบตัวว่านั่งที่เก้าอี้รอผู้โดยสาร จึงวิทยุสั่งการให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยเข้าควบคุมตัวและขอตรวจค้นที่ตัว ซึ่งเจ้าตัวตอนแรกปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้เอาไปและไม่ยินยอมให้ค้นตัว สุดท้ายเจ้าหน้าที่ต้องเชิญตัวออกมาด้านนอกและนำหลักฐานจากภาพวงจรปิดทั้งหมดให้ดู จึงยอมรับว่าก่อเหตุจริงและหยิบเอาของกลางเป็นโทรศัพท์มือถือที่ซ่อนในกระเป่ากลางเกงพร้อมกับสายชาร์จ ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกำหมาย โดยแจ้งข้อหาลักทรัพย์ในท่าอากาศยาน หรือ รับของโจร ซึ่งมีโทษจำคุกสูงถึง 5 ปี

**** นายกิตติพงศ์ กิตติขจร เปิดเผยกับนักข่าวผ่านทางโทรศัพท์มือถือว่า ปัจจุบันสนามบินสุวรรณภูมิ มีการเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัยและดูแลทรัพย์สินให้กับผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดของสถานการณ์โควิดซึ่งจะมีผู้โดยสารใช้บริการภายในสนามบินค่อนข้างน้อย จึงเป็นโอกาสให้มิจฉาชีพและคนร้ายเลือกเข้ามาก่อเหตุเพราะไม่มีคนพรุกพล่าน อีกทั้งปัจจุบันมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ อย่างเช่นกล้องวงจรปิดที่สามารถคอนโทนติดตามตัวผู้ต้องสงสัยในจุดสำคัญตามเส้นทางต่าง ๆ เพื่อง่ายต่อการไล่ล่าตัวคนร้ายเมื่อเกิดเหตุ เคสนี้ก็เช่นกันจะเห็นได้ว่าเจ้าหน้าที่เราสามารถใช้เวลาในการติดตามจับกุมคนร้ายได้ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเศษเท่านั้น จึงฝากประชาสัมพันธ์ผู้โดยสารที่เข้ามาใช้บริการภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หากประสบเหตุการณ์ใดๆขอให้ท่านรีบแจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยใกล้ตัวท่าน เนื่องจากสนามบินสุวรรณภูมิ ปัจจุบันเรามีชุดเฉพาะกิจพิเศษที่จะเฝ้าคอนโทนกล้องวงจรปิดและตะเวนตรวจตราภายในอาคารผู้โดยสารและพื้นที่รับผิดชอบภายในสนามบินสุวรรณภูมิ

*** ภาพ – ข่าว ก๊วก สมุทรปราการ ***