“ศรีสะเกษ” หนุ่มวัย 18 ปี สุดทนหนีพ่อติดยา-แม่เลี้ยงโหด ตกงานตามหาแม่เกือบ 20 ปี ตร.ช่วยจนสมหวังเจอครอบครัว

“ศรีสะเกษ” หนุ่มวัย 18 ปี สุดทนหนีพ่อติดยา-แม่เลี้ยงโหด ตกงานตามหาแม่เกือบ 20 ปี ตร.ช่วยจนสมหวังเจอครอบครัว

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มิ.ย. 2566 พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ เปรี่ยมรัตนชัย สว.สภ.โพนเขวา ได้รับแจ้งมีประชาชนซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 18 ปี ขอความช่วยเหลือตามหาแม่ หลังพลัดพรากจากกันนาน 18 ปี ในพื้นที่ ต.โพนเขวา อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้ ร.ต.ต.เศรษฐศักดิ์ ประสาร รอง สว.(ป) สภ.โพนเขวา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตรวจสอบและเร่งประสานส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือ

จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น ทราบว่า บุคคลที่ร้องขอความช่วยเหลือ ชื่อ นายโย่ง (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ชาว ต.ดอนโพธิ์ทอง อ.เมือง จ.สุพรรบุรี หนีออกจากบ้านไปทำงานที่กรุงเทพมหานคร ตอนอายุ 15 ปี เนื่องจากพ่อติดยา และถูกแม่เลี้ยงทำร้าย กระทั่งตกงาน ไม่มีที่ไป จึงได้เข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.จรเข้น้อย กรุงเทพมหานคร เพื่อให้ช่วยตามหาแม่ เพราะไม่อยากกลับไปเจอเรื่องราวโหดร้ายของที่บ้าน อยากเห็นหน้าแม่ แต่ไม่รู้เป็นใคร ไม่รู้รูปร่างหน้าตา ไม่รู้ชื่อแม่ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำบัตรประชาชนไปค้นหาข้อมูลให้ กระทั่งรู้ว่าแม่เป็นชาว จ.ศรีสะเกษ จึงปริ้นข้อมูลชื่อที่อยู่ให้ และนำส่งขึ้นรถไฟ มาลงที่สถานีรถไฟศรีสะเกษ จากนั้นนายโย่ง ไม่รู้จะไปไหน ไม่รู้จะไปพึ่งใคร จึงได้เดินเข้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองศรีสะเกษ เพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดูข้อมูลแล้ว จึงได้นำไปส่งที่ป้อมยาม สภ.โพนเขวา เพราะเป็นเขตพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.โพนเขวา กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานผู้ใหญ่บ้าน นำส่งญาติอย่างปลอดภัย

สอบถาม นายโย่ง เล่าว่า ปัจจุบันอยู่คนเดียว ตอนนี้ไม่ได้เรียนหนังสือ เรียน ม.3 แต่ยังไม่จบ อยู่บ้านรู้สึกเบื่อกับครอบครัว พ่อติดยาเสพติด แม่เลี้ยงก็มีแต่ความรุนแรง ซึ่งพ่อกับแม่เลี้ยง มีลูกใหม่ด้วยกัน 2 คน จึงไม่ค่อยให้ความสนใจตน ตนจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว โดยเดินทางไปอยู่กับเพื่อน ที่ จ.พัทลุง เนื่องจากพ่อของเพื่อนเปิดร้านผ้าใบทำเบาะ จึงไปช่วยงานอยู่ที่นั่น

จากนั้นตนได้งานใหม่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งก็ดีเพราะไม่ต้องเช่าบ้าน กินอยู่พร้อม ก็เลยย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ต่อมาที่ทำงานปิดกิจการ ด้วยภาวะเศรษฐกิจ ไม่มีลูกค้า ตนจึงตกงาน มีเงินติดตัวแค่ 200 บาท จึงมีความคิดอยากเจอแม่ แต่ไม่รู้ว่าแม่เป็นใคร ไม่รู้จักชื่อแม่ ไม่รู้บ้านแม่ ไม่รู้จะไปพึ่งใคร จึงเดินไปหาตำรวจ สน.จรเข้น้อย ให้ช่วยเหลือ ซึ่งทางตำรวจก็ได้ช่วยตรวจสอบจากบัตรประชาชนตน จนพบชื่อของบิดา มารดาขึ้น จึงได้รู้และเห็นหน้าแม่ครั้งแรกจากเอกสารที่ตำรวจปริ้นให้ เพื่อนำไปเป็นข้อความในการตามหาแม่ พร้อมกับช่วยออกค่ารถไฟให้ มาลงที่สถานีรถไฟศรีสะเกษ หลังจากลงจากรถไฟแล้ว ก็รู้สึกเคว้งไม่รู้จะทำอย่างไร ไปไหนไม่ถูก จึงพยายามตามหาสถานีตำรวจ เพื่อนั่งพักร้อนและขอความช่วยเหลือ เพราะรู้สึกว่าปลอดภัยที่สุด

ตนไม่อยากกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่เลี้ยง และครอบครัวที่อยู่ตรงนั้น เพราะมีแต่ความรุนแรง มีแต่อะไรที่มันแย่ๆ เคยถูกแม่เลี้ยงทำร้ายทุบตีมาโดยตลอด ตอนเด็กๆที่ถูกทำร้ายไม่ได้คิดอะไร ก็ยอมๆมาโดยตลอด แต่พอเริ่มโตขึ้นยิ่งยอมยิ่งไม่อยากอยู่ไม่ไหว จึงได้หนีออกจากบ้านไปหาทำงานตั้งแต่ตอนอายุ 15 ปี โดยไม่ได้บอกคนที่บ้าน แต่ก็ไม่มีใครตามหา วันนี้ตั้งใจมาเพราะอยากจะเจอแม่ เพราะตนไม่มีที่พึ่งอย่างอื่นแล้ว และเมื่อเจอแม่ครั้งแรกสิ่งแรกที่อยากจะทำคืออยากจะกอดแม่

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โพนเขวา จึงได้พานายโย่ง ขึ้นรถตำรวจ ไปพบกับผู้ใหญ่บ้าน โนนสัง หมู่ที่ 9 ต.โพนเขวา เพื่อให้นำไปหาบ้านของแม่นายโย่ง เมื่อไปถึงบ้านดังกล่าว พบ นางนวน (นามสมมุติ) อายุ 75 ปี แม่ของแม่ นายโย่ง ซึ่งเป็นยาย อยู่บ้านคนเดียว เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาเต็มบ้าน ก็รู้สึกตกใจ นึกว่าจะมาจับใคร เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอธิบายให้ฟัง จึงรู้ว่าเป็นหลานของตนจริง จากนั้นนายโย่ง ได้เดินโผเข้ากอดยายด้วยความดีใจจนทั้งคู่น้ำตาไหลเยิ้มด้วยความยินดีที่ได้พบกันครั้งแรก

นางนวน เล่าว่า ตนมีลูก 3 คน มีครอบครัวไปหมดแล้ว มีเพียงแม่ของนายโย่ง ที่หลังจากเลิกลากับพ่อของนายโย่งไป ยังไม่มีใคร โดยแม่ของนายโย่ง มีลูก 2 คน คือ นายโย่ง และอีกคนจมน้ำเสียชีวิตไปนานแล้ว เหลือเพียงนายโย่ง ที่พ่อเขาเอาไปเลี้ยงที่ จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่หัดเดิน ยังจำความไม่ได้ และไม่ได้มีการติดต่อกันอีกเลย นานกว่า 18 ปี กระทั่งมาเจอตอนโต ซึ่งตนก็รู้สึกช๊อกและดีใจที่เจอหลาน และเชื่อว่าเป็นหลานของตนจริงๆ เพราะดูจากเค้าโครงหน้าตาแล้ว ใช่หลานตนแน่นอน แต่ก็ชื่นชมที่พ่อเขาเอาลูกไปเลี้ยงจนโต ถ้าจะว่าไม่ดีก็คงไม่ใช่ เพราะสามารถเลี้ยงลูกจนโตได้ถึงขนาดนี้.

ทีมข่าว จ.ศรีสะเกษ // รายงาน