อุทัยธานี -หน่วยงานช่วยเหลือแล้ว!!สุดรันทด!! หนุ่ม พ่อแม่แยกทาง หารับจ้างรายวันเพียงลำพัง เลี้ยงแม่บุญธรรมป่วยอัมพฤกษ์ กับน้าชายป่วยทางประสาทช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

อุทัยธานี -หน่วยงานช่วยเหลือแล้ว!!สุดรันทด!! หนุ่ม พ่อแม่แยกทาง หารับจ้างรายวันเพียงลำพัง เลี้ยงแม่บุญธรรมป่วยอัมพฤกษ์ กับน้าชายป่วยทางประสาทช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องใช้เวลาพักเที่ยงจากงานรีบกลับบ้านมาดูแลแม่กับน้าชายเพื่อป้อนข้าว เช็ดอุจจาระปัสสาวะที่เรี่ยราด(และที่สำคัญหนุ่มอยากมีบัตรประชาชนทั้งๆที่เป็นคนไทย แต่ไม่มีคนเซ็นรับรองให้ เนื่องจากพ่อกับแม่แยกทาง ) อ.ลานสัก

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายวีระกร จุลรอด หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรสำนักงานทะเบียนอำเภอลานสัก พร้อมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เทศบาลตำบลลานสัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดเผยว่าเบื้องต้นทางอำเภอลานสักได้ตรวจสอบในเรื่องการทะเบียน เนื่องจากนายตี๋ใหญ่นั้นมีแค่เอกสารแสดงตัวเฉพาะบัตรของบุคคล แต่ไม่มีสถานะขึ้นทางทะเบียน แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอลานสักจะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลของตัวนายตี๋ใหญ่และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือนายตี๋ใหญ่ ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือผู้พิการทางพม.จังหวัดอุทัยธานี จะออกบัตรความคนพิการให้กับครอบครัวตี๋ใหญ่ และดูแลในเรื่องของสุขภาพ พร้อมช่วยเหลือในการเงินสงเคราะห์และช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป

จากกรณี เมื่อเวลา 12.00.น.ของวันที่ 21 ก.พ.65 ผู้สื่อข่าวรายงานที่บ้านเลขที่ 381/6 ม.1 ต.ลานสัก อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ได้พบกับนายตี๋ใหญ่ อายุ 25 ปี ขณะที่ใช้เวลาพักเที่ยงต้องรีบกลับบ้านเพื่อเข้ามาดูแลแม่กับน้าชายที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์และโรคประสาทถึงขั้นเล่นอุจจาระของตัวเอง และมาป้อนข้าวป้อนน้ำ และก็ล้างอุจจาระของผู้ป่วยทั้ง 2 คน

นายตี๋ใหญ่ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า บ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเช่า อยู่กันเพียง 3 คน มีแม่ชื่อนางบุญทัน คล้ายคำ อายุ 53 ปี และน้าชื่อ นายแก่น อายุประมาณ 45 ปี และก็ตัวผม โดยก่อนหน้านี้ ก่อนที่แม่บุญธรรมผมจะป่วยเป็นอัมพฤกษ์ แม่เคยเล่าให้ฟังว่าตนเองเกิดอยู่ที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พ่อแท้กับแม่แท้แยกทางกัน แล้วก็นำตัวผมมาฝากไว้กับแม่บุญธรรม จากนั้นก็ได้พาตนเองย้ายเข้ามาอยู่จังหวัดอุทัยธานีตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งตอนนี้ผมก็อายุ 25 ปีแล้ว แล้วแม่บุญธรรมก็มาป่วยลง ล่าสุดน้าชายที่ป่วยเป็นโรคประสาทและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ก็เป็นน้องชายของแม่บุญธรรมผม ที่ผมต้องดูแลทั้ง 2 คน

และที่สำคัญ ตัวผมเองไม่มีบัตรประชาชน เหลือแค่เพียงใบเกิดที่พ่อกับแม่แท้ๆได้ฝากไว้กับแม่บุญธรรมตอนผมเด็กๆ ซึ่งตัวผมเองอยากได้บัตรประชาชนมาก เนื่องจากต้องมีคนเซ็นการรับรองถึงจะทำได้ ดันแม่บุญธรรมมาป่วยลงเป็นอัมพฤกษ์และน้าชายน้องของแม่ก็มาป่วยเป็นโรคประสาท ซึ่งไม่มีใครเซ็นให้ตนเอง เวลาตนเองไปหาหมอก็ไปหาไม่ได้เพราะไม่มีบัตรประชาชน ทำอะไรก็ไม่ได้อยากวอนให้หน่วยงานช่วยเหลือผมด้วย ตนเองก็ลำบากมาก วันไหนไปทำงานก็ได้ตังเพียงไม่กี่ร้อยบาท ก็ต้องซื้อข้าวสารมาทิ้งไว้ แพมเพิสให้กับแม่และน้า ค่าน้ำค่าไฟ ไหนจะยังค่าบ้านที่เช่าอยู่ แล้วก็ต้องนำเงินที่เหลือ คอยซื้อยาหากตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วย วอนผู้ใจบุญช่วยเหลือผมด้วย

(ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนายวีระกร จุลรอด หัวหน้ากลุ่มงานทะเบียนและบัตรสำนักงานทะเบียนอำเภอลานสัก พร้อมสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เทศบาลตำบลลานสัก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดเผยว่าเบื้องต้นทางอำเภอลานสักได้ตรวจสอบในเรื่องการทะเบียน เนื่องจากนายตี๋ใหญ่นั้นมีแค่เอกสารแสดงตัวเฉพาะบัตรของบุคคล แต่ไม่มีสถานะขึ้นทางทะเบียน แต่อย่างไรก็ตามทางอำเภอลานสักจะเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อมูลของตัวนายตี๋ใหญ่และประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือนายตี๋ใหญ่ ส่วนในเรื่องของการช่วยเหลือผู้พิการทางพม.จังหวัดอุทัยธานี จะออกบัตรความคนพิการให้กับครอบครัวตี๋ใหญ่ และดูแลในเรื่องของสุขภาพ พร้อมช่วยเหลือในการเงินสงเคราะห์และช่วยเหลือในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ หากผู้ใจบุญอยากช่วยเหลือน้อง สามารถโอนเงินเข้าธนาคารออมสินของแม่บุญธรรมที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ ได้ที่ธนาคารออมสิน สาขาลานสัก จังหวัดอุทัยธานี หมายเลข 020354722819 นางสาวบุญทัน คล้ายคำ เนื่องจากตนเองไม่มีบัตรประชาชนไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้แต่เปิดบัญชีธนาคารก็ไม่ได้

สำเนา ทองศรี รายงาน
เสียงสัมภาษณ์นายตี๋ใหญ่ คนดูแลผู้ป่วยทั้ง 2