กาฬสินธุ์น้ำยังท่วมขังต้นข้าวเริ่มเน่าเสียเตรียมเปิดถนนกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด

กาฬสินธุ์น้ำยังท่วมขังต้นข้าวเริ่มเน่าเสียเตรียมเปิดถนนกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด

มวลน้ำจากพนังชีขาดยังท่วมขังอยู่ใน 2 อำเภอของจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะนาข้าวถูกน้ำท่วมขังนานกว่า 2 สัปดาห์ ส่งผลให้ต้นข้าวที่กำลังออกรวงเน่าเสียและน้ำเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมบ้านเรือนเริ่มคลี่คลาย ขณะที่ความคืบหน้าการกู้ถนนทางหลวงสายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด เจ้าหน้าที่เตรียมเปิดให้ใช้งานได้ภายในวันนี้ หลังระดมสูบน้ำมาตลอด 4 วัน
เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จากสาเหตุพนังกั้นแม่น้ำชีใน ต.ลำชี อ.ฆ้องชัยขาด เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2565 ซึ่งผ่านมานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว หลายพื้นที่สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย และมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะประชาชนหลายหมู่บ้านใน ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ที่ได้รับผลกระทบตั้งแต่แรกๆ เริ่มกลับเข้าสู่บ้านเรือน และน้ำได้แห้งกลับเข้าสู่ปกติแล้ว ทั้งนี้แต่ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่ยังคงมีน้ำท่วมขังบ้านเรือนอยู่ เนื่องจากอยู่ในพื้นที่ต่ำ รวมถึงพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวของเกษตรใน อ.ฆ้องชัย และ อ.กมลาไสย ยังคงถูกน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้างมานานกว่า 2 สัปดาห์ทำให้ต้นข้าวที่กำลังออกรวงและรอการเก็บเกี่ยวเน่าเสียและน้ำเริ่มส่งกลิ่นเหม็น
นางกฤษณา จงผดุง อายุ 50 ปี เกษตรกรใน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า น้ำท่วมปีนี้หนักมาก นาข้าวหลายพื้นที่กลายเป็นทะเลสาบ และถูกน้ำท่วมขังมานานกว่า 2 สัปดาห์ รวมทั้งนาข้าวของตนด้วย ซึ่งถูกน้ำท่วม 5 ไร่ คาดว่าน่าจะเสียหายทั้งหมด ทั้งนี้ทราบว่าหลังจากนี้เกษตรกรจะได้รับเงินชดเชยและช่วยเหลือจากรัฐบาลไร่ละ 1,200 บาท และได้รับเงินช่วยเหลือประกันน้ำท่วมจาก ธกส.ไร่อีกละ 1,200 บาท ส่วนตัวนั้นตนมองว่าไม่คุ้มและยังน้อยอยู่ เนื่องจากที่ผ่านมาชาวนาต้องจ่ายค่าแรง รวมทั้งค่าปุ๋ยก็แพงด้วย ซึ่งหากได้รับเงินช่วยเหลือเท่านี้จึงถือว่าไม่คุ้ม อยากให้เพิ่มมากกว่านี้ และรู้สึกเสียดายอย่างมาก เพราะกว่าจะปักดำ กว่าจะปลูก และดูแลรักษาต้นข้าวจนโตใช้เวลาหลายเดือน แต่ก็ต้องยอมรับ เพราะนาข้าวได้เสียหายไปแล้ว
ขณะที่ความคืบหน้าการกู้ถนนสายกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด ช่วงบ้านหัวแฮด ต.ธัญญา อ.กมลาไสย ไปถึงบ้านท่ากลาง ต.เจ้าท่า อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ล่าสุดนายธวัชชัย รอดงาม รองผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนางดวงตา พายุพล ผอ.แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังเฝ้าติดตามสถานการณ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงใช้เครื่องสูบน้ำขนาดเล็กติดตั้งตามแนวกระสอบทราย เพื่อเร่งระบายน้ำออกสู่ด้านนอกเนื่องจากระดับน้ำที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

เครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ไม่สามารถสูบได้ เพราะท่อสูบน้ำเข้าเริ่มตื้นเขิน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ระบุว่า การกู้ถนนสายดังกล่าวมีความคืบหน้าไปมาก มีน้ำท่วมขังพื้นผิวถนนเหลืออยู่ระยะทางประมาณ 800 เมตร และระดับลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 10-20 เซนติเมตร จากเดิมท่วมสูงถึง 90 เซนติเมตร และหากสูบน้ำออกได้ระดับจะเข้าเคลียร์พื้นที่ โดยเฉพาะโคลน และเศษวัชพืชที่อยู่ตามผิวถนนออก และจะพยายามจะเปิดให้ใช้งานได้ภายในวันนี้
สำหรับกรณีพนังกั้นลำน้ำชีขาดบริเวณ กม.6 บ้านสะดำศรี ต.ลำชี อ.ฆ้องชัย ได้รับผลกระทบจำนวน 2 อำเภอ คือ อ.ฆ้องชัย และ อ.กมลาไสย จำนวน 7 ตำบล 41 หมู่บ้าน 2,147 หลังคาเรือน 7,089 คน วัด 12 แห่ง โรงเรียน 4 แห่ง คลี่คลายแล้ว 1 แห่ง (รร.บ้านเเวงประชารัตน์บำรุง) และ รพ.สต. 2 แห่ง (รพ.สต.ท่าเยี่ยม,รพ.สต.หนองบัว) ถนนจำนวน 10 สาย พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับความเสียหายจำนวน 26,158 ไร่ และด้านประมง 185 ไร่
ทั้งนี้ปัจจุบันพื้นที่อำเภอฆ้องชัย จากเดิมมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วมจำนวน 863 หลังคาเรือน ล่าสุดสถานการณ์คลี่คลายแล้ว บ้างพื้นที่ประชาชนสามารถกลับเข้าบ้านตนเองได้ บางส่วนอยู่ระหว่างสำรวจ ส่วนพื้นที่อำเภอกมลาไสยประชาชนเข้าอยู่อาศัยได้แล้ว 360 หลังคาเรือน จากเดิมมีบ้านเรือนถูกน้ำท่วม 1,284 หลังคาเรือน และยังคงถูกน้ำท่วมอยู่ 924 หลังคาเรือน ซึ่งแนวโน้มสถานการณ์น้ำในพื้นที่ระดับน้ำในแม่น้ำชีมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลังจากสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ทางจังหวัดและหน่วยที่เกี่ยวข้องจะเร่งฟื้นฟู เยียวยา และให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบต่อไป
อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ภาพรวมทั้งจังหวัด จากข้อมูลของปภ.กาฬสินธุ์ตั้งแต่เข้าสู่ช่วงฤดูฝนพบว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ9 อำเภอ 27 ตำบล 226 หมู่บ้าน 9,043 ครัวเรือน 2,346 หลังคาเรือน ถนน 12 สาย วัด 14 แห่ง โรงเรียน 5 แห่ง รพ.สต. 2 แห่ง โดยมีพื้นที่การเกษตร คาดว่าจะได้รับความเสียหายรวม 80,673.75 ไร่ และด้านประมงอีกกว่า 285 ไร่

***เสียงสัมภาษณ์***นางกฤษณา จงผดุง อายุ 50 ปี