จังหวัดร้อยเอ็ดประกาศคุมเข้มห้ามรับแรงงานจากพื้นที่เสี่ยงเข้มสถานประกอบการฝ่าฝืนมีโทษ

จังหวัดร้อยเอ็ดประกาศคุมเข้มห้ามรับแรงงานจากพื้นที่เสี่ยงเข้มสถานประกอบการฝ่าฝืนมีโทษ

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0817082129-ข่าว

ประกาศจังหวัดร้อยเอ็ด
เรื่อง มาตรการเฝ้าระวังและป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
(ฉบับที่ 34)
ตามที่ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2563
และต่อมาได้ขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวออกไปเป็นระยะอย่างต่อเนื่องจนถึงวันที่
31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด
ได้มีประกาศมาตรการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-18)
ตามประกาศจังหวัดร้อยเอ็ด จนถึง (ฉบับที่ 33) ลงวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2564 ไปแล้ว
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน
ยังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในหลายพื้นที่ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ และมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้น
เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID -19) ของจังหวัดร้อยเอ็ดอย่างเหมาะสมอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 28 มาตรา 34 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ
พ.ศ. 2558 ประกอบกับข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม 2564 (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิถุนายนพ.ศ.2564 (ฉบับที่ 25) ลงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ.2564 ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด โดยความเห็นชอบของ
คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด ตามมติที่ประชุมครั้งที่ 35/2564 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564
จึงกำหนดมาตรการควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ดังต่อไปนี้
1. ปิดสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่โรค
1.1 เครื่องเล่นเป่าลม บ้านลม บ้านบอล หรือเครื่องเล่นอื่นๆ ที่มีลักษณะเดียวกัน ที่เป็นการติดตั้ง
แบบชั่วคราว ไม่สามารถปิดดำเนินการได้
1.2 สถานบริการ สถานประกอบการที่คล้ายกับสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ
1.3 ตลาดนัดโค กระบือ
1.4 สนามขนไก่ สนามซ้อมชนไก่ สนามกัดปลา สนามซกมวย สนามซ้อมชกมวย
1.5 โต๊ะสนุกเกอร์ บิลเลียด ร้านเกมส์ สวนน้ำ ร้านอินเตอร์เน็ต
2. การผ่อนคลายกิจการภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด
2.1 ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอล ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้น ๆ
ยกเว้นส่วนที่เป็นตู้เกมส์ เครื่องเล่น ร้านกมส์ และสวนสนุกให้งดบริการ
2.2 ร้านอาหารและเครื่องดื่ม ให้บริโภคอาหารและเครื่องดื่มในร้านได้ตามกำหนดเวลาของกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง แต่ห้ามการบริโภคสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน
2.3 ร้านค้า ร้านขายของชำ หรือสถานที่ในลักษณะเดียวกัน ในชุมชน หมู่บ้านที่มีการจำหน่าย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ภายในบริเวณร้านที่จำหน่าย
3. การจัดงานประเพณีทางสังคม หรือการจัดกิจกรรมที่มีการรวมคนจำนวนมาก
3.1 งดการจัดงานประเพณีบุญบั้งไฟ ในทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันการวมกลุ่มของบุคคล ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID-19)
3.2 งดหรือชะลอ การจัดงานประเพณีทางสังคม เว้นแต่เป็นการประเพณีที่จำเป็นไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เช่น งานศพ ให้สามารถจัดได้ภายใต้มาตรการที่ทางราชการกำหนด
3.3ให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน งด หรือ เลื่อน การจัดประชุม อบรม สัมมนาและกิจกรรมอื่นๆ
ในลักษณะเดียวกันในช่วงเวลานี้ เว้นแต่ กรณีจำเป็นเรงด่วนอันมิอาจหลีกเสี่ยงได้ อาทิ การประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติ
แผนงาน/โครงการที่ต้องดำเนินการภายในห้วงระยะเวลาที่กำหนด หรือการประชุมเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนหากปล่อยเนิ่นช้าไปอาจส่งผลเสียต่อประซาชน หรือการประชุมเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณที่จำเป็นและเร่งด่วน หรือการประชุมเพื่อการจัดบริการที่เป็นประโยชน์สาธารณะ หรือการประชุมที่มีกฎหมายกำหนดต้องประชุมภายในเวลาที่กำหนด หรือกรณีอื่นๆ แล้วแต่กรณี ซึ่งไม่อาจงดหรือเลื่อนการประชุมได้ และต้องดำเนินการตามาตรการของทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
3.4 ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่าสองร้อยคนเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด หรือเป็นกิจกรรมที่ดำเนินการโดยพนักงาน
เจ้าหน้าที่หรือเป็นกิจกรรมในพื้นที่ที่กำหนดให้เป็นสถานที่กักกันโรค และให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด
3.5 ห้ามการรวมกลุ่มหรือระดมคนจากที่อื่น จัดเลี้ยงสังสรรค์ที่มีลักษณะการรวมคน ดื่มสุรา หรือ
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นการมั่วสม และเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค ในเคหสถานหรือสถานที่พำนักของตน
4. มาตรการเดินทางและเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว และการป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด
4.1ให้นายจ้างที่มีแรงงานต่างด้าวในกำกับดูแลที่มีที่ตั้งสำนักงานอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ด หรือนำแรงงานต่างด้าวมาปฏิบัติงานในจังหวัดร้อยเอ็ด สามารถเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ไปทำงานข้ามจังหวัด หรือเดินทางเพื่อ
กลับที่ตั้งสำนักงานนอกเขตจังหวัดได้ ทั้งนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัด
ปลายทางที่จะเดินทางไป โดยต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด รวมถึงห้ามไม่ให้รับ
แรงงานต่างด้าวที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด เข้าทำงานในสถานประกอบการ เนื่องจากจะมีความเสี่ยงต่อ
การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในพื้นที่
4.2ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกตรวจตราพื้นที่ก่อสร้าง แคมป์ที่พัก
คนงานก่อสร้างในพื้นที่ ดำเนินการแนะนำกำหนดมาตรการในการควบคุมป้องกันโรค การปรับปรุงสุขาภิบาล อนามัย
สิ่งแวดล้อม ให้เป็นไปตามาตรการควบคุมโรคที่ทางราชการกำหนดอย่างเคร่งครัด และให้หน่วยงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบประสานงานกับผู้ประกอบการหรือผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ เพื่อให้ความช่วยเหลือหรือดำเนินการอื่นใดที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบอาชีพแรงงานก่อสร้างตามความเหมาะสม
5. มาตรการทางสังคม
ให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า อย่างถูกวิธีตลอดเวลา ทุกครั้งเมื่อเดินทางออกนอก
เคหสถานหรือที่พำนัก เว้นแต่ขณะที่ออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ
เมื่อพบผู้ไม่ปฏิบัติตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนและสั่งให้ผู้นั้นปฏิบัติให้
ถูกต้อง ถ้าผู้นั้นไม่ปฏิบัติตาม ให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติมต่อไป
6. มาตรการเกี่ยวกับการเดินทางเข้าออกพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด และการตรวจคัดกรองการเดินทาง
6.1 การเดินทางเข้ามาในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจคัดกรองการเดินทางของประชาชนหรือการเคลื่อนย้ายแรงงาน จากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล (จังหวัดนครปฐม จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัสมุทรปราการ และจังหวัดสมุทรสาคร) และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ (จังหวัดนราธิวาส
จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา และจังหวัดสงขลา)เพื่อตรวจคัดกรองการเดินทางให้ดำเนินการอย่างเข้มงวด หากพบประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ดังกล่าว จะต้องดำเนินการตามมาตรการควบคุมและป้องกันโรค โดยการควบคุมไว้สังเกต แยกกัก หรือกักกัน ในพื้นที่พำนักหรือสถานที่ทางราชการกำหนด เป็นเวลา 14 วัน หรือตามหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติของพนักงานเจ้าหน้าที่

ประชาชนที่เดินทางจากพื้นที่อื่นๆ เข้ามาภายในจังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อถึงพื้นที่ ปลายทาง หมู่บ้าน
ชุมชน หรือสถานที่อื่นใด จะต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ภายใน 24 ชั่วโมง และต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของพนักงานเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด
6.2 การเดินทางออกจากพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด งดหรือชะลอการเดินทางในช่วงเวลานี้โดยไม่มีเหตุจำเป็นโดยเฉพาะให้หลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามข้อ6.1
6.3ในการตรวจคัดกรองการเดินทางและการดำเนินการตามมาตรการที่กำหนดใน ข้อ 6.1 และ ข้อ 6.2
จะต้องไม่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ หรือการดำเนินงานเพื่อประโยชน์สาธารณะของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลที่
เกี่ยวข้อง
7. มาตรการปฏิบัติงานนอกที่ตั้ง
ให้หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ เจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการภาคเอกชนพิจารณาขยายการดำเนินมาตรการ ปฏิบัติงานนอกสถานที่ตั้งเพื่อลดจำนวนการเดินทางของเจ้าหน้าที่และบุคลากรที่อยู่ในความรับผิดชอบ เป็นระยะเวลาตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยต้องไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน
ผู้ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้มีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มาตรา 51
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือ มาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับประกาศฉบับใดขัดหรือแย้งกับประกาศฉบับนี้ให้ใช้ประกาศฉบับนี้แทน
ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งหรือประกาศเปลี่ยนแปลงซึ่งจะได้มีการประเมินเป็นระยะ
เพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2564
(นายชยันต์ ศิริมาศ)
ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด
ประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดร้อยเอ็ด
ผู้กำกับการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดร้อยเอ็ด

/สมนึก บุญศรี/ร้อยเอ็ด/0817082129-ข่าว