หางจุกตูด แกนนำพุทธสุดโต่ง อัยย์ เพชรทอง อดีตลูกศิษย์ลัทธิจานบิน ไม่โผล่หัว แม้แต่เงา หลังถูกศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายเรียกตัวไต่สวน ในฐานะจำเลย

นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

หางจุกตูด แกนนำพุทธสุดโต่ง อัยย์ เพชรทอง อดีตลูกศิษย์ลัทธิจานบิน ไม่โผล่หัว แม้แต่เงา หลังถูกศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายเรียกตัวไต่สวน ในฐานะจำเลย

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 24 ส.ค.2563 ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส นาย นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทราษฎร เขต 4 ในฐานะ ทนายความ ที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายวันมูหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นโจทย์ฟ้อง นาย อัยย์ เพรชทอง เป็นจำเลยต่อศาลนราธิวาส ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยบรรยากาศในรอบบริเวณศาล ได้มีตัวแทนชาวบ้าน ที่นับถือศาสนาอิสลามเกือบ 100 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คือ จังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ได้เข้ารออยู่บริเวณ หน้าศาลจังหวัดนราธิวาส ซึ่งชาวบ้านกล่าวว่า ทุกคนใจจดใจจ่อ และต่างรีรอ เพื่อจะขอดูหน้า นายอัยย์ เพชรทอง คนที่เรียกตัวเองว่า เลขาองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ แกนนำ ( อปพส.) ที่ชอบสร้างคลิป ที่ปราศจากความจริงและความเข้าใจในศาสนาอิสลาม ให้คนในประเทศเกลียดชังศาสนาอิสลาม ออกทางสื่อโชเชียนมาหลายปี หลายคลิปหลายตอน พฤติกรรม เป็นแกนนำกลุ่มพุทธสุดโต่งที่ปลุกระดมมวลชน ปราศรัยปลุกปั่นด้วยข้อมูลเท็จ มุ่งสร้างความเกลียดชังและความขัดแย้งทางศาสนา ทั้งที่ทุกฝ่ายต้องการเรียกร้อง ความรักความสามัคคี ไม่สร้างความแตกแยก ของคนในชาติ
โดยเมื่อถึงเวลานัดหมาย นายอัยย์ ที่ตกเป็นจำเลย ไม่มาตามที่นัดหมาย แต่อย่างใด หรือ ตามที่เคยอวดอ้าง ทางคลิปที่ลงไปทางสื่อโชเชียน ว่าจะไปตามนัดหมายอย่างแน่นอน แต่ได้ให้ทนายฝ่ายจำเลย ดำเนินการ เพื่อขออำนาจศาล โดยได้ยืนคำร้องต่อศาลจังหวัดนราธิวาส กรณี คดี ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องโจทย์ ในวันที่ 24 สิงหาคม 2563 ในเวลา 09.00 น. ดังความแจ้งในสำนวนนั้น ทนายจำเลยขอประทานกราบเรียน ขออภัยต่อศาล เนื่องจากทนายจำเลย พึ่งได้รับการติดต่อ ทนายความให้กับจำเลย ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงในคดีที่เกิดขึ้นและยังไม่ได้รับเอกสาร จากตัวจำเลยทั้งหมดอย่างสมบูรณ์ ประกอบกับวันนี้ ทนายจำเลย จำเป็นที่จะต้องซักซ้อมพยานที่จะเดินทางจากจังหวัดอุดรธานี และทนายจำเลย มีภูมิลำเนา อยู่ในกรุงเทพมหานคร มีการนัดล่วงทำคดีในวันที่ 25 สิงหาคม 2563 ศาลพัทยา ในคดีแพ่ง แล้ว อีกทั้งคดีที่จำเลย ที่ศาลจังหวัดนราธิวาส เป็นคดีสำคัญ ที่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางศาสนาและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นทนายจำเลย จึงขอประทานอนุญาต ในการขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องออกไปก่อน

ทางด้านนายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 4 ในฐานะ ทนายความ ที่ได้รับมอบอำนาจจาก นายวันมูหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เป็นโจทย์ฟ้อง นาย อัยย์ เพรชทอง เป็นจำเลย กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า จำเลยนายอัยย์ ได้โพสต์กล่าวร้ายต่อท่านอาจารย์วันมูหะมัด มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ บุคคลซึ่งเป็นที่เคารพรักของพี่น้องมุสลิมไทยทั่วประเทศ ว่า “เป็นกบฎ โจรแขกมลายู” และโพสต์กล่าวร้ายอีกจำนวนมาก ซึ่งท่านอาจารย์วันมูหะมัดนอร์ ไม่ได้โกรธเคืองและถือสาใดๆ แต่การกล่าวร้ายลักษณะนี้ทำให้พี่น้องมุสลิมไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงขอร้องให้ดำเนินคดี จึงเป็นโจทย์ฟ้องนายอัยย์ ข้อหาหมิ่นประมาท ต่อศาลจังหวัดนราธิวาส และทนายจำเลย ได้ทำหนังสือเอกสาร ยื่นการขอเลื่อนนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันถัดไป คือ วันที่ 28 ก.ย.2563 ศาลจังหวัดนราธิวาสอนุญาต ตามที่ทนายจำเลยขอมา อย่างไรก็ตาม ศาลจังหวัดนราธิวาส ได้กำชับ ทนายจำเลยและทนายโจทย์ ในวันที่ 28 ก.ย.นี้ทุกฝ่ายต้องพร้อม สู่กระบวนการไต่สวน ในกระบวนยุติธรรม

นายกมลศักดิ์ ทนายความฝ่ายโจทย์ ได้กล่าว เพิ่มเติมว่า นายอัยย์ แกนนำ อพปส. ถ้าเห็นจากคลิปหลังจากได้หมายเรียกจากศาลจังหวัดนราธิวาส นายอัยยญ์ได้มีการออกคลิป และแถลงในสื่อโชเชียนต่อเนื่อง และยืนยันอย่างกล้าหาญ จะไม่มีวันไม่มาตามทีนัดหมายเด็ดขาด แต่เมื่อถึงเวลา กลับไม่มีตัวหรือ เงา ของนายอัยย์ แกนนำ อย่างที่ประกาศก่อนหน้าแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านที่ต่างเดินทางมา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่างรู้เสียใจ เพราะอยากเห็นหน้า นายอัยย์ ที่ชอบผลิตคลิป หลายเรื่องหลายตอน ลงสื่อโชเชียน ในทำนองโจมตีศาสนาอิสลาม ถือว่า ผิดคาดขาด ชาวบ้านผิดหวัง แต่อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินคดี นอกจากศาลจังหวัดนราธิวาสแล้ว ทางทีมงานทนายโจทย์ ได้ดำเนินคดี ฟ้องจำเลย คนเดียวกัน ที่ศาลจังหวัดยะลา และนัดหมายไตส่วน ทำนองคดีเดียวกันในวันที่ 31 สิงหาคม 2563
สำหรับนายอัยย์ เพชรทอง เป็นคนที่มีแนวคิด ค่อนข้างสุดโต่ง เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อวัตถุประสงค์บางอย่าง โดยตั้งกลุ่มองค์กรที่ชื่อว่า อปพส. แอบอ้างว่าทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา แต่ทางปฏิบัตินั้นไม่เป็นไปตามคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องชาวพุทธ กลับกันยังถูกต่อต้านจากพี่น้องพุทธศาสนิกชนกันเอง

ทั้งนี้พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนอันดีว่าไม่ให้เบียดเบียนผู้ใด แต่การเคลื่อนไหวของนายอัยย์นั้นเบียดเบียนผู้อื่น ปลุกปั่นข้อมูลเท็จให้มวลชนเกลียดชังกัน สร้างความขัดแย้งให้มวลชนในสังคมเกิดความแตกแยกกันในที่สุด เขาจึงได้เคลื่อนไหวให้พี่น้องประชาชนต่อต้านการสร้างมัสยิด โพสต์และปราศรัยจาบจ้วงเอกองค์อัลเลาะห์ (ซ.บ.) พระผู้เป็นเจ้า เช่นการปราศรัยว่า “อัลเลาะห์คือซาตานคือฆาตกร” เขามีพฤติกรรมดูหมิ่นเหยียดหยามศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ศาสนาที่ตนนับถือ ต่อต้านไม่ให้ซื้อสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์ฮาลาล ต่อต้านกฎหมายที่สร้างความเสมอภาคกันในสังคม โดยมุ่งใช้ข้อมูลเท็จปลุกปั่นสร้างความขัดแย้งด้านศาสนา เพราะศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จุดติดความขัดแย้งได้ง่าย แต่ด้วยความรู้เท่าทันของพี่น้องชาวพุทธ จึงไม่มีใครให้การสนับสนุน และด้วยความเข้าใจของพี่น้องมุสลิมรู้ว่าเขาเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี จึงไม่มีใครตอบโต้เขา

นายอัยย์เป็นลูกศิษย์ของธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายผู้ต้องหาหนีคดีฟอกเงิน เขาเคยถูกตำรวจ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ควบคุมตัวฐานยุยงปลุกปั่นกรณีเคลื่อนไหวต่อต้านเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบวัดพระธรรมกาย ถูก DSI ควบคุมตัวฐานก่อความวุ่นวาย และถูก คสช.ใช้มาตรา 44 ควบคุมตัวฐานยุยงปลุกปั่น
นายอัยย์มักจะเคลื่อนไหวประเด็นทางการเมือง จนวัดพระธรรมกายเคยชี้แจงว่า “ทางวัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายอัยย์และองค์กร อปพส. การดำเนินการใดๆของนายอัยย์ เพชรทอง และองค์กร อปพส.ไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ตัวแทนวัด และไม่ใช่ตัวแทนศิษย์แต่อย่างใด รวมทั้งทางวัดไม่ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือการแสดงทัศนคติด้านอื่นๆทุกประการ