ตำรวจโก-ลกปิดคดีฆ่าโหดสาวใหญ่หลังรวบผู้ต้องหาได้แล้ว

นราธิวาส/ภาพ/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

ตำรวจโก-ลกปิดคดีฆ่าโหดสาวใหญ่หลังรวบผู้ต้องหาได้แล้ว

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 มิ.ย. 63 ที่ห้องประชุมสถานีตำรวจภูธรสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส นายพิมล จงรักษ์ ปลัดอำเภอ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.สุไหงโก-ลก พ.ต.สุกกฤษฐ์ กาญจนคลอด รอง ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัวนายมะหะมะ ยอ อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 235/4 ซอย 13 ถ.เจริญเขต ต.สุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าทุบศีรษะและรัดคอ น.ส.โรส เปาะมา อายุ 56 ปี ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่พื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เสียชีวิตที่บ้านเช่าเลขที่ 105/101 ม.6 ต.ปาเสมัส อ.สุไหงโก-ลก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา พร้อมของกลาง 5 รายการ คือ 1.สร้อยคอทองคำพร้อมจี้รูปหัวใจ 1 เส้น 2. แหวนทองคำ 1 วง 3. ท่อนไม้ที่ใช้ก่อเหตุ 4.ไว้แขวนเสื้อที่ใช้รัดคอผู้เสียชีวิต และ 5. เงินสด 2,700 บาท

โดย พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวว่า คดีดังกล่าวนี้พยานบุคคลที่อาศัยอยู่ในละแวกจุดเกิดเหตุ ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี จนนำไปสู่การจับกุมตัวนายมะหะมะ ผู้ต้องหา ที่หลบหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้านเพื่อนในพื้นที่ อ.สุไหงปาดี ซึ่งอยู่ในอาการคล้ายคนติดยาเสพติด และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะพบสารเสพติด จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนถึงกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.โรส ซึ่งนายมะหะมะ ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง และได้ควบคุมตัวไปบ้านพัก และพบเสื้อผ้าที่ใส่ใช้ก่อเหตุ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง

ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้นำภาพที่กล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้า ที่บันทึกได้ถึงพฤติกรรมของนายมะหะมะ ซึ่งได้ขี่รถ จยย.วนเวียนภายในเขตเทศบาล ซึ่งนายมะหะมะ ให้การรับสารภาพว่า ในช่วงเย็นของวันก่อเหตุได้ขี่รถ จยย.นำสร้อยคำทองคำและแหวนของผู้เสียชีวิต ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวนายมะหะมะ ไปยังร้านทองดังกล่าว เพื่อเอาของกลางคืน ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดที่ร้านทอง สามารถบันทึกพฤติกรรมของนายมะหะมะเอาไว้ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหายังให้การถึงเหตุจูงใจที่ลงมือฆ่าโหด น.ส.โรส เนื่องจากผู้ตายมีความประสงค์ให้ผู้ต้องหาย้ายไปสร้างครอบครัวในประเทศมาเลเซียด้วยกัน โดยยื่นคำขาดหากปฏิเสธจะนำเรื่องที่ผู้ตายที่ได้คบหากับผู้ต้องหาประกาศให้ผู้อื่นได้รับทราบ จนผู้ต้องหาเกิดความอับอายที่อายุน้อยกว่า จึงได้รอจังหวะที่ผู้ตายนอนหลับ ใช้ท่อนไม้ที่เตรียมไว้ทุบศีรษะและใช้เหล็กแขวนเสื้อรัดคอจนเสียชีวิต ก่อนที่จะเอาสร้อยคอทองคำและแหวนของผู้ตายหลบหนีออกจากบ้านไป ทำทีคล้ายถูกคนร้ายฆ่าชิงทรัพย์ เพื่อเบี่ยงเบนการติดตามจับกุมของเจ้าหน้าที่ และเงินที่ได้จากการขายสร้อยคอทองคำแหวน ผู้ต้องหาได้นำไปซื้อยาเสพติดมาเสพดังกล่าว