พะเยา โครตเหล็กไหลพระร่วง -เหล็กไหลย้อย วัดนาปรัง
พะเยา โครตเหล็กไหลพระร่วง -เหล็กไหลย้อย วัดนาปรัง
วันที่ 20 ตุลาคม 63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดนาปรัง อำเภอปง จังหวัดพะเยา ได้มีชาวบ้านนำโคตรเหล็กไหลพระร่วง ที่พบในถ้ำในป่าแล้วนำมามอบ ให้ หลวงพ่อพระครูวรพงศ์คณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอปง เจ้าอาวาสวัดนาปรัง โดยเจ้าอาวาสเก็บรักษาไว้เพื่อ ให้สาธุชนทั่วไปดูชม เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่หาดูชมได้ยาก
สำหรับโคตรเหล็กไหล ที่ชาวบ้านนำมามอบที่วัดนาปรัง มีลักษณะ เป็นก้อนใหญ่ หรือเหล็กไหลพระร่วง ลักษณะออกสีดำนิลมีความมันวาว สดใส ออกสีรุ้งระยิบระยับเมื่อกระทบแสงแดดหรือแสงไฟเมื่อยกมาดูพบว่ามีน้ำหนัก และมีความเย็น เมื่อเอาแม่เหล็กมาทดสอบลองดูด ดูพบว่าแม่เหล็กจะดูดติดกับก้อนเหล็กไหล ซึ่งสันนิษฐานและเชื่อว่าน่าจะเป็นเหล็กไหลและยังพบว่าได้มีก้อนเหล็กไหลย้อย อีก1ก้อนมีลักษณะเป็นก้อนแทงช่อเป็นแท่งโหล่ขึ้นตามก้อนเหล็กไหล หรือเหล็กไหลย้อย ที่มีสีออกดำนิลและสีรุ้ง เวลาโดนแสงไฟหรือแสงแดด จะออกลักษณะประกายระยิบระยับ เมื่อเอาก้อนแม่เหล็กดูดก็พบว่ามีแรงดูงดูดติดกันด้วยเช่นกันและมีความเย็นในตัวเมื่อเอามือจับจะรู้สึกทันทีว่าเย็น
ด้าน หลวงพ่อพระครูวรพงศ์คณารักษ์ เจ้าคณะอำเภอปง เจ้าอาวาสวัดนาปรัง กล่าวว่า ได้มีชาวบ้านนำเหล็กไหลที่พบในถ้ำนำมาถวายให้เป็นเหล็กไหลพระร่วงสีรุ้งมามอบให้ทางวัด โดยได้เก็บรักษาไว้ ที่วัด และทางวัดก็ได้มีเหล็กไหล รวม2ก้อน อีกก้อนเป็นเหล็กไหลย้อยมีลักษณะ ไหลย้อยคล้ายหินงอกออกมาเป็นเส้น ซึ่งพบมากในถ้ำตามป่าเขา เป็นเหล็กไหลที่อยู่ตามซอกหินในถ้ำมีลักษณะแข็ง มีประกายออกสีรุ้งหรือเหล็กไหล 7 สี ตามความเชื่อ เหล็กไหลเกิดจากอำนาจธาตุศักดิ์สิทธิ์ ที่เกิดจากธรรมชาติบวกกับ ตะบะบารมีของเหล่าเทพ พรม ฤาษีผู้ทรงฤทธิ์ เหล็กไหลชนิดนี้ มีพลังมากมาย มีสีสันวรรณะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเพราะมีชีวิตมีจิตวิญญาณมีเทพพรมฤาษีสถิตถ์อยู่ภายใน เหล็กไหลชนิดนี้จะกินน้ำผึ้ง
จากการสังเกตเหล็กไหลทั้ง 2 ก้อน เหล็กไหลย้อย และเหล็กไหล พระร่วงสีรุ้ง สีดำก้อนขนาดใหญ่ มีสีเขียวประกายรุ้ง ที่มีน้ำหนักประมาณ 3-5 กิโลกรัม โดยอยู่ในพานตั้งไว้บนโต๊ะบูชาในวัดให้สาธุชนและผู้คนทั่วไปที่สนใจมาดูชมโคตรเหล็กไหล โดยทางวัดจะให้ดูชม หากมีคนสนใจจะมาขอดูชมได้ ที่เจ้าอาวาสวัด เหล็กไหลดังกล่าวในปัจจุบันซึ่งจะหาดูชมได้ยากเพราะถือว่าเป็นแร่ธาตุที่มีอิทธิฤทธิ์มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาคุ้มครองและผู้ที่จะครอบครองได้ต้องมีบุญวาสนา ถึงจะได้ครอบครองตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน