อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประชุมเตรียมความพร้อมแผนรับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียรองรับการเดินทางกลับ 18 เม.ย.นี้ พร้อมแนะให้ลงทะเบียนขอรับหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านเว็บไซต์

อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ประชุมเตรียมความพร้อมแผนรับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซียรองรับการเดินทางกลับ 18 เม.ย.นี้ พร้อมแนะให้ลงทะเบียนขอรับหนังสือรับรองการเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านเว็บไซต์

http://dcaregistration.mfa.go.th
วันนี้(15เม.ย.63) ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอเบตง จังหวัดยะลา พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง ได้ร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการเตรียมความพร้อมแผนรับแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศมาเลเซีย เพื่อเข้ามายังประเทศไทย ในวันที่ 18 เมษายน 2563 นี้ ทางด่านอำเภอเบตง เตรียมความพร้อมรองรับกลุ่มคนที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ที่เป็นผู้ใช้แรงงานในกลุ่มของต้มยำกุ้ง หรือร้านอาหารไทย-มุสลิม รับจ้างกรีดยาง นวดแผนไทย และนักศึกษาอยู่ในประเทศมาเลเซีย และต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัว 14 วัน ตามขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข
พ.จ.ท.อนันต์ บุญสำราญ นายอำเภอเบตง กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ออกประกาศเผยแพร่ในเพจ Royal Thai Embassy, Kuala Lumpur ระบุถึงเรื่องการเดินทางกลับไทยผ่านด่านทางบกว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดให้คนไทยในประเทศเพื่อนบ้านเดินทางกลับประเทศได้ทางจุดผ่านแดนถาวรทางบกได้ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.เป็นต้นไปนั้น สถานเอกอัครราชทูต ขอประกาศดังนี้ (1) รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกให้คนไทยในมาเลเซียเดินทางกลับเข้าประเทศไทยโดยจำกัดจำนวนรวมทุกด่าน 300 คนต่อวัน ที่จุดผ่านแดน 4 แห่งคือ

1.สะเดา 2.สุไหงโก-ลก 3.วังประจัน และ 4.เบตง โดยผู้เดินทางนำพาหนะเข้าประเทศไทยไม่ได้ ผู้เดินทางชาวไทยจะต้องแสดงเอกสารในการเดินทางกลับเข้าประเทศไทย ดังนี้ 1.หนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ ที่สถานทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ ออกให้ ซึ่งผู้เดินทางต้องลงนามยินยอมรับเงื่อนไขการกักตัวเพื่อเฝ้าระวังอาการเป็นเวลา 14 วันในสถานที่กักตัวที่รัฐบาลกำหนด และ 2.ใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่ามีสุขภาพเหมาะสมต่อการเดินทาง โดยในใบรับรองแพทย์ต้องระบุข้อความ “Fit to Travel” และมีอายุไม่เกิน 72 ชั่วโมงในขณะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย ทั้งนี้ ผู้ที่ไม่มีเอกสารทั้ง 2 รายการข้างต้นจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับเข้าประเทศไทยโดยเด็ดขาด คนไทยในมาเลเซียลงทะเบียนเพื่อจองวันและจุดผ่านแดนที่จะใช้เดินทางกลับเข้าประเทศไทย และขอรับหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศได้แบบออนไลน์เท่านั้น ที่เว็บไซต์ http://dcaregistration.mfa.go.th ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. เวลา 00.00 น. (หลังเที่ยงคืนของวันที่ 14 เม.ย.) เป็นต้นไป จะยื่นขอรับหนังสือรับรองการเดินทางที่สถานเอกอัครราชทูต หรือสถานกงสุลใหญ่ไม่ได้ และหลังจากได้ลงทะเบียนจองวันและจุดผ่านแดนที่จะใช้เดินทางกลับเข้าประเทศไทยและได้รับหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศแล้ว จึงค่อยไปติดต่อขอรับใบรับรองแพทย์ Fit to Travel ภายใน 72 ชั่วโมงก่อนวันที่จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย ทั้งนี้ รายชื่อคลินิกและสถานพยาบาลที่ออกใบรับรองแพทย์เท่าที่สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ รวบรวมไว้ตามเอกสารแนบ
สำหรับผู้ที่ตัดสินใจชะลอการเดินทางกลับประเทศไทยและรออยู่ในมาเลเซียจนกว่าสถานการณ์คลี่คลาย สถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ ร่วมกับเครือข่ายอาสาสมัครคนไทยในมาเลเซียจะแจกข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นอย่างเต็มที่และต่อเนื่อง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าของคนไทย ทั้งนี้ โปรดติดต่อสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ หรืออาสาสมัครในพื้นที่เพื่อขอรับความช่วยเหลือ หรือลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ที่https://forms.gle/C4aK15KewWyELfGdA

นายอำเภอเบตง กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางอำเภอเบตงมีความพร้อมในการรองรับการเดินทางกลับของคนไทยในประเทศมาเลเซีย และ แจ้งไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ที่ยังคงวิตกกังวลในเรื่องการแพร่งระบาดของโรคไวรัส COVID-19 สามารถรับมือได้อย่างแน่นอน สำหรับกลุ่มคนที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ไม่ใช่เป็นตัวปัญหาในการเป็นพาหะของการแพร่เชื้อโรคร้ายให้เกิดขึ้น เพราะทุกคนที่จะเดินทางกลับเข้าประเทศไทย และจะมีการกักตัว 14 วัน เพื่อดูอาการของโรค เมื่อปลอดภัยก็มีการส่งกลับบ้านได้ปกติ
สำหรับคนไทยที่จะเดินทางกลับจากประเทศมาเลเซียช่วงวันที่ 18 เม.ย.นี้ จำนวน 3,635 คนและยังมีประเทศอินเดียอีกจำนวน 12 คน มีภูมิลำเนาใน จ.ยะลา จำนวน 503 คน แยกเดินทางเข้าด่าน ตม.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวน 486 คน ด่าน ตม.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส จำนวน 17 คน แยกเป็น อ.เมืองยะลา จำนวน 86 คน อ.เบตง จำนวน 7 คน อ.ยะหา จำนวน 141 คน อ.บันนังสตา จำนวน 61 คน อ.รามัน จำนวน 103 คน อ.ธารโต จำนวน 14 คน อ.กาบัง จำนวน 56 คนและ อ.กรงปินัง จำนวน 35 คน

โยธิน ประชามติรัฐ
อ.เบตง จ.ยะลา รายงาน