โก-ลก ซักซ้อมแผนทาง CCTV ระดมบุคลากร 7 หน่วยหลัก วางมาตรการรับมือโจรใต้ก่อวินาศกรรมเมืองเศรษฐกิจ

นราธิวาส/ข่าว-นูอารีซ๊ะ ยะยือริ

โก-ลก ซักซ้อมแผนทาง CCTV ระดมบุคลากร 7 หน่วยหลัก วางมาตรการรับมือโจรใต้ก่อวินาศกรรมเมืองเศรษฐกิจ

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 12 เม.ย.66 ที่ห้องศูนย์ควบคุมสั่งการระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 ได้เป็นประธานในพิธีซักซ้อมแผนเผชิญเหตุวางมาตรการป้องกันการก่อวินาศกรรมเมืองเศรษฐกิจ ตามแผนยุทธการ 4661 ทางระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ซึ่งถือว่าเป็นระบบที่ทันสมัยและใช้บุคลากรที่มีความชำนาญทางเทคโนโลยีเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ใช้ช่วงเดือนรอมฎอนเป็นต้นไป โดยมี พล.ต.วัชวิทย์ ณรงค์พันธุ์ รอง ผอ.สขว.กอ.รมน.ภาค 4 พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.ฉก.นราธิวาส น.อ.ธัชธรรม์ ณ สงขลา รอง ผอ.รมน.จ.นราธิวาส พ.ต.อ.ดุลยมาน แยนา รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ร่วมในพิธีพร้อมได้แสดงความคิดเห็น
ซึ่งการเปิดแผนซักซ้อมเผชิญเหตุในครั้งนี้ ได้มีการเรียนเชิญ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้นำชุมชนและประธานท่าเรือข้ามฟากซึ่งเป็นจุดผ่อนปรนอีก จำนวน 6 ท่า มาร่วมสังเกตการณ์ และต้องให้ว่าร่วมมือจากเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงต่างๆ หากเกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่คนร้ายใช้เป็นเส้นทางหลบหนีเข้าประเทศเพื่อนบ้าน หลังก่อเหตุแล้วเสร็จเหมือนกับทุกครั้งในอดีตที่ผ่านมา
ซึ่งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ที่ใช้เป็นกลไกหลักที่ติดตั้งไว้รอบเมื่อสุไหงโก-ลก มีจำนวน 683 ตัว ใช้เจ้าหน้าที่ในการควบคุม 3 คน ส่วนหากเกิดเหตุร้ายขึ้นจะใช้หัวหน้าชุด 9 หน่วย ในการสั่งการไปยังเจ้าหน้าที่ที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ โดยแยกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นนอก ชั้นใน และชั้นใจกลางเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งเป็นชุดควบคุมและป้องกันชายแดน กระจายกำลังเฝ้าระวังตามท่าเรือข้ามฟาก หรือ จุดผ่อนปรน หากเกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก ก็จะสามารถควบคุมเรือข้ามฟากทุกจุดให้หยุดบริการ จนกว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ส่วนเจ้าหน้าที่สายตรวจรถจักรยานยนต์ ก็จะขี่รถจักรยานยนต์ไปเส้นทางถนนรอบนอกเขตเมืองสุไหงโก-ลก เพื่อเฝ้าระงังและสังเกตการณ์บุคคลต้องสงสัย ที่อาจจะก่อเหตุแล้วเสร็จใช้เส้นทางดังกล่าวขี่ยานพาหนะหลบหนี
โดยการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุในครั้งนี้ ได้มีการสมมุติสถานการณ์ร้ายเกิดขึ้น ที่บริเวณข้างตู้บริการ ATM ธนาคารกรุงไทย ซึ่งตั้งอยู่หน้าสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก โดยมีคนร้ายจำนวน 2 คน ขี่รถ จยย.ลอบนำระเบิดแสวงเครื่องไปวางไว้ ชาวบ้านได้พบเห็นแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก และเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นการจราจรถนนเส้นทางที่มุ่งสู่สถานีรถไฟ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำชุดสุนัขสงครามดมกลิ่นมาตรวจสอบ พบว่าเป็นระเบิดจริง หลังจากรับแจ้งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุอโณทัย มาตรวจสอบและสามารถเก็บกู้เอาไว้ได้
ส่วนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามจุดต่างๆทั้งชั้นนอกชั้นในและชั้นใจกลางเมือง ได้ทำการตั้งจุดตรวจจุดสกัด โดยทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุม CCTV สามารถไล่วงจรปิดพบคนร้าย 2 คน ขี่รถ จยย.หลบหนีโดยมุ่งหน้าที่ตามเส้นทางรอยต่อของ อ.แว้ง จึงได้แจ้งไปยังสายตรวจที่ขี่รถ จยย.ลาดตระเวนอยู่ให้รับทราบ และสามารถจับกุมคนร้ายเอาไว้ได้

หลังการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุแล้วเสร็จ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 ได้กล่าวชี้แนะแก่เจ้าหน้าที่ การก่อเหตุของคนร้ายเขามีการวางแผนไว้อย่างดี และแอบแฝงตัวมีดูเลาพื้นที่จุดก่อเหตุเป็นการล่วงหน้า เมื่อมั่นใจว่าสามารถก่อเหตุได้เขาจะมีการวางแผน และตรวจสอบเส้นทางหลบหนี ซึ่งเราช้ากว่าคนร้าย 1 ก้าวเสมอ สิ่งที่ดีที่สุดคือเราต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเคร่งครัด และประการสำคัญอีกอย่างคือ เมื่อคนร้ายก่อเหตุขึ้นแล้ว เจ้าหน้าที่ที่รับแจ้งเหตุต้องจดจำรูปพรรณสัณฐานและลักษณะของพาหนะที่ใช้ต้องแม่นยำ และเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งไปยังจุดต่างๆให้รับทราบบ่อยครั้ง เพื่อเจ้าหน้าที่ประจำจุดต่างๆ สามารถสกัดกั้นและจับกุมคนร้ายโดยง่าย สิ่งสำคัญขณะนี้สุไหงโก-ลก เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว หากเกิดเหตุร้ายขึ้นจะกลับคืนสู่สภาพซบเซาอีก
ต่อมาเมื่อการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุแล้วเสร็จ พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาค 4 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมแถลงข่าวการตรวจยึดประทัดลูกบอล จำนวน 2 กระบอก ภายในบรรจุ 30 ถุง รวม 2,987 นัด ที่บริเวณจุดตรวจจุดสกัดแยกเดอะกีตาร์ ถ.เจริญเขต เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก พร้อมผู้ต้องหา 1 คน เป็นชายสัญชาติมาเลเซีย อายุ 21 ปี พร้อมรถ จยย. 1 คัน เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 66 ที่ผ่านมา ขอสงวนชื่อและนามสกุลอยู่ในระหว่างเจ้าหน้าที่นำตัวไปขยายผล ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีในข้อหา ฝ่าฝืนประกาศ กอ.รมน.ภาค4 ส่วนหน้า ห้ามมิให้ผู้ใด ซื้อ ขาย ใช้ เคลื่อนย้าย ดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด และวัตถุอื่นใดอันมีสภาพคล้ายคลึงกัน ที่ทำให้เกิดเสียงดัง โดยไม่ได้รับอนุญาต โดยความผิดดังกล่าว มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย ได้ลงตรวจสอบตามร้านค้าในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก ในการทำความเข้าใจและเข้าความร่วมมือกับร้านค้าต่างๆห้ามจำหน่าย เนื่องจากเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งแม่ทัพภาค 4 แล้ว สินค้าดังกล่าวเมื่อนำมารวมกันเป็นจำนวนมาก สามารถเป็นสารตั้งต้นในการประกอบวัตถุระเบิดได้
///////////////////////////// 12 เมษายน 2566