(สระแก้ว) – จับล็อตใหญ่!! ลักลอบขนจักรยานยนต์ส่งขายเขมร 18 คัน ผู้ต้องหา 7 คน

(สระแก้ว) – จับล็อตใหญ่!! ลักลอบขนจักรยานยนต์ส่งขายเขมร 18 คัน ผู้ต้องหา 7 คน
สระแก้ว – สนธิกำลังล็อคชายแดนจับล็อตใหญ่ ขบวนการลักลอบขนรถจักรยานยนต์ส่งขายฝั่งประเทศกัมพูชา ยึดของกลาง 18 คัน กระบะ 1 คัน พร้อมผู้ต้องหาอีก 7 คน พบพฤติกรรมหันมาใช้ผู้หญิงเป็นนักบิน ขับรถข้ามชายแดน

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.กองกำลังบูรพา จ.สระแก้ว สั่งการให้เจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันชายแดนทุกจุดเข้มงวดกวดขัน ปัญหาการลักลอบเข้าเมืองและการนำสิ่งของผิดกฎหมายเข้า-ออก บริเวณแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 โดยเจ้าหน้าที่กองร้อยทหารพรานที่ 1201 ชุดควบคุมกรมทหารพรานที่ 12 ร่วมกับ ชุดเคลื่อนที่่เร็ว ฉก.ตาพระยา กองกำลังบูรพา และ มว.ปชด.ที่ 1 ร้อย ปชด.ที่ 1 (พล.ร.11) จัดกำลังพลทำการลาดตระเวนและซุ่มเฝ้าตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ บริเวณพิกัด TA 745630 ระหว่างจุดตรวจ ต.03–04 บ้านทับทิมสยาม03 ม.9 ต.ทัพไทย อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ได้ตรวจพบกลุ่มขบวนการลักลอบนำรถจักรยานยนต์ส่งออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ผ่านพิธีทางศุลกากร ขับมาตามเส้นทางพื้นที่การเกษตรไร่มันสำปะหลัง ชุดซุ่มเฝ้าตรวจจึงเรียกเพื่อตรวจสอบแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าว พยายามขับรถจักรยานยนต์หลบหนี

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวได้ไล่ติดตามและควบคุมตัวผู้กระทำความผิดไว้ได้ 2 คน เป็นหญิงทั้งคู่ พร้อมรถจักรยานยนต์ 3 คัน ซึ่งสามารถหลบหนีการจับกุมไปได้ 1 คน และในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ ชค.ทพ.12 และ ฉก.ตาพระยา ได้จัดกำลังเพิ่มเติม เพื่อขยายผลและเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง จนสามารถตรวจพบกลุ่มผู้กระทำผิดเพิ่มเติม พยายามขับรถหลบหนีการจับกุม โดยได้ทิ้งรถจักรยานยนต์และอาศัยความชำนาญในพื้นที่วิ่งหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้เพิ่มอีก 5 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 2 คน พร้อมรถจักยานยนต์ จำนวน 15 คัน รถกระบะ 1 คัน รวมเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมดที่กระทำความผิด รวม 7 คน เป็นชาย 3 คน หญิง 4 คน ยึดรถจักรยานยนต์ของกลางได้ รวม 18 คัน รถกระบะ 1 คัน

จากการตรวจสอบหลังจับกุม ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ประกอบด้วย 1.นางสุภาวดี ดีจรัส อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 74 ม.10 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA SCOOPY สีขาว-ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน ,2.น.ส.ธิดา เกิดปรี อายุ 45 ปี ที่อยู่ 120 ม.1 ต.ตาพระยา อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA SCOOPY สีขาว-ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน, 3.น.ส.ณิชกุล เย็นอุรา อายุ 21 ปี ที่อยู่ 192 ม.9 ต.ทัพไทย

อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA SCOOPY สีขาว-ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน ,4.น.ส.กัลยรัด หนองได อายุ 29 ปี ที่อยู่ 147 ม.2 ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น Scoopy I สีขาว–ชมพู ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ไม่พบเอกสารหลักฐาน, 5.นายณรงค์ฤทธิ์ ดีกร อายุ 29 ปี ที่อยู่ 89 ม.6 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ YAMAHA FILANO สีแดง หมายเลขทะเบียน 3ขว-8759 กทม ไม่พบเอกสารหลักฐาน

ส่วนผู้ต้องหารายที่ 6.นายวรพล ซีแซว อายุ 29 ปี ที่อยู่ 89 ม. 6 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อ HONDA PCX ดำ ทะเบียน 5210 พิษณโลก ไม่พบเอกสารหลักฐาน ,7.นายภานุพงศ์ ซีแซว อายุ 21 ปี ที่อยู่ 66 ม.10 ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ขับรถยนต์ยี่ห้อ IZUZU DMAX สีขาว ทะเบียน กท-887 สระแก้ว เพื่อมารับกลุ่มบุคคลดังกล่าวกลับ สำหรับรถจักรยานยนต์ที่ตรวจยึดและจอดทิ้งไว้อีก จำนวน 12 คัน ประกอบด้วย ยี่ห้อ Kawasaki Z900 สีแดง ทะเบียน 8627 ระยอง (ป้ายแดง) ,YAMAHA XSR สีเขียว-ดำ ,HONDA PCX สีดำ ,HONDA SUPER CUB สีดำ ,HONDA ADV 150 สีแดง และที่เหลือเป็น HONDA SCOOPY อีก 7 คัน ซึ่งทั้งหมดไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน และไม่พบเอกสารหลักฐาน ภายในตัวรถแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 7 ราย ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการว่าจ้าง จากนางวันวิวา เกิดปรี ที่อยู่ 69 ม.10 บ.คลองแผง ต.ทัพเสด็จ อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว ให้ไปรับรถจักยานยนต์มาจากบริเวณป่ามันท้ายหมู่บ้านทับทิมสยาม03 หลังจากนั้นให้ขับไปส่งให้นายทุนชาวกัมพูชา โดยใช้เส้นทางธรรมชาติลัดเลาะตามภูมิประเทศ เพื่อไปออกเส้นทางระหว่างจุดตรวจ ต.03-04 โดยได้รับค่าจ้าง คนละ 200 บาทต่อคัน แต่มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเสียก่อน ซึ่งภายหลังสอบสวนอย่างละเอียด และตรวจคัดกรองโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งให้ ฉก.ตาพระยา และสภ.บ้านทัพไทย ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

..นายยุทธนาพึ่งน้อยผู้สื่อข่าวจังหวัดสระแก้ว